พระคริสตเจ้าทรงประจักษ์พระวรกาย การลิ้มรสความรุ่งเรืองในสวรรค์ จุดหมายปลายทางของเรา โดย Una McManus จากหนังสือพิมพ์ "Catholic Faith & Family" ฉบับ July 30 - August 12, 2000 | แปลและเรียบเรียงโดย สิริโรจนา
|
จะเป็นไปได้อย่างไร เราบรรทุกกระเป๋าเดินทางและเอาเด็กๆขึ้นรถแวน และออกเดินทางไปพักร้อน โดยที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไหน หรือเราอุตส่าห์ไปเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย โดยไม่รู้ว่าเราจะได้รับปริญญาอะไร และคนที่เฝ้าระวังแคลอรีในร่างกายเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตระหนักดีว่า เขาจะต้องมีจิตใจเข้มแข็งเพียงพอที่จะไม่รับประทานของหวานมากเกินควร เพื่อเขาจะได้ใส่เสื้อผ้าขนาดเบอร์ 10 ได้อย่างสบาย
ธรรมชาติของมนุษย์ คือ เราต้องมีจุดมุ่งหมายชัดเจน ตามที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างเรา หนังสือภาษิตบอกว่า: "ที่ไหนไม่มีวิสัยทัศน์ ที่นั่นคนประสบความหายนะ" (29:18)
บิดาแห่งพระศาสนจักรกล่าวว่า "วิสัยทัศน์" หรือ "จุดมุ่งหมาย" เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งสำหรับพระคริสตประจักษ์ พระผู้สร้างเรา ผู้ซึ่งทรงทราบ ถึงความต้องการของลูกๆของพระองค์ ได้อนุญาตให้อัครสาวก 3 องค์ (โดยเขาทั้งหลาย เราทุกคน) ได้ลิ้มรสจุดหมายปลายของเขาทั้งหลาย (ของเรา) เพื่อจะได้ยึดมั่นในความเชื่อ
เรื่องพระคริสตประจักษ์อยู่ในพระวรสาร 3 เล่ม: นักบุญมัทธิว 17:1-8 นักบุญมาร์โก 9:2-8 และนักบุญลูกา 9:28-36
ตามเรื่องราวในพระวรสาร หลังจากพระเยซูเจ้าได้ตรัสกับอัครสาวก ผู้ซึ่งอยู่ในความกลัว เป็นครั้งแรกถึงพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ได้พาเปโตร เจมส์ และจอห์นขึ้นเขาสูงลูกหนึ่ง ขณะพระองค์สวดภาวนาที่นั่น พระพักตร์ของพระองค์ได้ "ฉายแสงเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์" พระภูษาของพระองค์สว่างไสว เป็นประกาย "มีสีขาวเหมือนแสงสว่าง" โมเสสและเอลียาห์ได้ปรากฎตัวให้เห็น และสนทนากับพระองค์เกี่ยวกับ "การปลดปล่อยออกจากการเป็นทาสสู่อิสสระภาพโดยสิ้นเชิง (Exodus)" (การสิ้นพระชนม์ การกลับเป็นขึ้นมา และการเสด็จขึ้นสวรรค์ ของพระองค์) ในกรุงเยรูซาเล็ม
เปโตรได้ร้องออกมาอย่างลืมตัวว่า: "พระอาจารย์ สถานที่แห่งนี้ช่างมีความสุขจริงๆ! ให้เราสร้างพลับพลาขึ้น 3 หลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส และหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์"
ทันใดนั้นเอง เมฆซึ่งมีแสงเจิดจ้าได้ทอดเงาลงมาทางอัครสาวก และพระสุรเสียงจากเมฆได้ตรัสว่า: "นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราพอใจเป็นอย่างยิ่ง จงฟังพระองค์เถิด!"
ในการอธิบายเรื่องพระคริสตประจักษ์ นักบุญโทมัส อะไควนัสได้พูดว่า: "พระเยซูเจ้า หลังจากได้บอกอัครสาวกไว้ล่วงหน้าถึงพระมหาทรมานของพระองค์ ได้ขยั้นคะยอให้เขาทั้งหลายเดินบนทางแห่งพระมหาทรมานของพระองค์ . . . โดยภาพประจักษ์อันอ่อนหวานน่ารักของพระองค์ พระเยซูเจ้าได้อนุญาตให้เขาทั้งหลายลิ้มรสเป็นเวลาสั้นๆชั่วครู่เดียว ความยินดีชั่วนิรันดร เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะได้อดทนต่อการเบียดเบียนอย่างกล้าหาญ . . . พระองค์ทรงปรารถนาให้เขาทั้งหลายเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า พระมหาทรมานของพระองค์มิใช่เป็นการจบสิ้น แต่ว่าเป็นหนทางที่พระองค์พาเขาทั้งหลายไปสู่ความรุ่งเรือง" (Summa Theologiae, ตอน 3, คำถามข้อที่ 45)
จุดมุ่งหมายนี้ ช่างประเสริฐยิ่งนัก! เราควรจดจำไว้ อย่าลืมเป็นอันขาด และพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้ตรัสว่า โดยการรำพึงถึงพระคริสตประจักษ์ "สวรรค์ คือบ้านเกิดเมืองนอนของเรา จงต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตนี้อย่างกล้าหาญชาญชัย!" (บทเทศมิสซา, วันที่ 12 มีนาคม 1995)
เราคริสตชนเชื่อในการกลับคืนชีพของร่างกายเรา ไม่เหมือนชนยุคใหม่ที่ถือเหตุผลเป็นใหญ่ (gnostic New Agers) เราเชื่อว่ามนุษย์มีทั้งร่างกาย และวิญญาณ ร่างกายของเราไม่ใช่แค่ "เปือกนอกเท่านั้น" ที่เราแบกไปโน่นไปนี่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายจะกลับเป็นขึ้นมา และร่างกายของผู้ที่ได้รับการเลือกสรรค์ จะรุ่งเรืองสุกใสเหมือนพระวรกายในพระคริสตประจักษ์
ตามบทความของคุณพ่อจอห์น ฮาร์เดิ้น คณะเยซูอิท ความสว่างไสวบนพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าในพระคริสตประจักษ์ คือ คุณภาพของภาวะแห่งความรุ่งเรือง ในภาษาเทวศาสตร์ ความสว่างไสวนี้ หมายถึง "ความชัดเจนโปร่งใส"
ในพจนานุกรมคาทอลิกสมัยใหม่ คพ. ฮาร์เดิ้นอธิบายว่า: "นี่ คือ คุณภาพแห่งร่างกายมนุษย์ ที่ รุ่งเรืองสุกใสในภาวะที่หลุดออกจาก ความอัปลักษณ์ทุกชนิดอย่างสิ้นเชิง และเต็มไปด้วยประกายแสงเจิดจ้าแห่งความสวยสดงดงาม ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากพระวรกายในพระคริสตประจักษ์บนภูเขา
ทาบอร์ และหลังจากการกลับเป็นขึ้นมาของพระองค์"
พระคริสตประจักษ์ไม่เพียงอนุญาตให้เรามองเห็นจุดหมายปลายทางของเรา แต่ยืนยันความเชื่อของเราคริสตชนโดยการเผยถึงพระตรีเอกภาพ
ในบทเทศมิสซาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1993 องค์พระประมุขชี้ให้เห็นถึงบทบาทของพระบิดา พระบุตร และพระจิตในพระคริสตประจักษ์: "การประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพได้รับการเปิดเผย พระสุรเสียงของพระบิดา พระบุตรผู้ซึ่งได้เสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ และเมฆที่สว่างไสว คือ สัญลักษณ์ของพระจิต เหมือนนกพิลาป ที่อยู่เหนือพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์ได้รับศีลน้ำจากนักบุญยอห์น เดอะ บัปติสท์ ผู้นำหน้าพระองค์"
พระคริสตประจักษ์ได้แสดงด้วยว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าทรงยืนระหว่างโมเสส (พระบัญญัติ) และเอลียาห์ (ผู้ทำนาย) ผู้ซึ่งบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า "เป็นบุคคลสำคัญสองท่านในประวัติศาสตร์แห่งการไถ่บาปของมนุษยชาติ พระสหายใกล้ชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า ผู้ซึ่งได้นำชาวยิวมายอมรับและสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญา และโดยกิจการงานของท่าน และคำสั่งสอนของผู้ทำนายเกี่ยวกับพระแมสสิยาห์"
เพื่อเข้าใจข้อความนี้ เราต้องเรียนรู้ความจริงต่างๆในพระคัมภีร์เก่าที่อ้างอิงถึงพระคริสตเจ้า พระเป็นเจ้า องค์แห่งการกลับคืนชีพ ได้ตำหนิอัครสาวก
2 องค์บนเส้นทางสู่เมืองเอ็มมาอุส ผู้ขาดประสบการณ์ในเรื่องนี้
พระองค์ได้ตรัสว่า: "โอ้ ท่านนี้ช่างไม่ประสีประสาเลย ดวงใจของท่านช้าเหลือเกินที่จะเชื่อทุกสิ่งที่ผู้ทำนายได้พูดไว้ เริ่มต้นที่โมเสสและผู้ทำนายทุกคน พระองค์ได้ตีความหมายให้เขาทั้งสองฟัง ความจริงต่างๆที่อ้างอิงถึงพระองค์ในพระคัมภีร์ทุกเล่ม" (ดูลูกา 24)
เรายิ่งมองเห็นพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจน พระคริสตประจักษ์ก็ยิ่งยืนยันว่า ความเชื่อของเราในพระเยซูคริสตเจ้า ในฐานะพระบุตรของพระเจ้า และพระมหาไถ่ของเราจะไม่คลอนแคลน และเราก็ยิ่งแลเห็นภาพแห่งจุดหมายปลายทางอันรุ่งเรืองของเราอย่างโปร่งใส
บทภาวนาพระคริสตประจักษ์
ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระบิดาของเรา
ในการที่พระคริสตเจ้า พระบุตรของพระองค์
ได้ทรงประจักษ์พระวรกายด้วยพระสิริโรจนา
โปรดให้เรามีความเชื่ออย่างมั่นคง
โดยการเป็นพยานของผู้ทำนายของพระองค์
และโปรดให้เราแลเห็นความสวยสดงดงาม
ของบุตรชายและบุตรหญิงอันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์
ขณะเราฟังพระสุรเสียงของพระบุตร
โปรดช่วยเราเป็นทายาทแห่งชีวิตนิรันดรของพระองค์
ผู้ซึ่งสถิตกับพระองค์ และพระจิต
พระเป็นเจ้าหนึ่งเดียว ตลอดนิรันดร อาแมน
Transfiguation of Christ
|
| | Send mail to
[email protected] with question or comments about this web. Copyright @ 2000 Data Computer's House. 2123-2125 Suebsiri Rd. Nai-muang, Nakorn-Rachasima. 30000 Thailand. Last
|