Data Computer's House. Korat.
  2123-2125 Suebsiri Rd. Nai-muang, Nakorn-Rachasima.30000 Thailand.  

  บริษัท ดาต้าคอมม์ บีบีเอส. จำกัด  2123-2125 ถนนสืบศิริ อ.เมือง นครราชสีมา 30000 โทรศัพท์/โทรสาร. 044-353392,353578  

   ความลึกลับเกี่ยวกับโลกหน้า ที่ไม่มีใครเคยได้ยินหรือฟังมาก่อน
  ตามคำบอกเล่าของนักบุญสี่องค์:

   โดย คุณพ่อ F.X. Schouppe, S.J.
   ผู้ประพันธ์หนังสือ "Purgatory exaplained by the lives and legends of the saints"


แปลและเรียบเรียงโดย  
สิริโรจนา   


นักบุญแฟรนซิสแห่งโรม :

คนที่ได้รับพระพรพิเศษจากพระเป็นเจ้าเท่านั้นจึงสามารถมองเห็นไฟชำระ เขาจะได้เปิดเผยความจริงถึงการทรมานอันน่ากลัวสยองขวัญ เพื่อสอนคริสตชนผู้มีความเชื่อ นักบุญแฟรนซิส ผู้ก่อตั้งคณะโอเบรตส์ สิ้นใจที่กรุงโรมในปี 1440 พระเป็นเจ้าได้อนุญาตให้เธอเห็นสภาพของวิญญาณในอีกชีวิตหนึ่ง เธอได้เห็นนรกและการทรมานที่น่าหวาดกลัวอย่างที่สุด เธอได้เห็นภายในของไฟชำระและขั้นตอนแห่งการใช้โทษบาปอย่างมีระเบียบ
โดยความนบนอบและการข้อร้องจากคุณพ่อจิตตาธิการ แคนนอน มัทตีโอตี เธอได้เขียนเรื่องราวต่างๆที่พระเป็นเจ้าได้เผยให้เธอทราบ รวมทั้งสิ่งที่เธอได้เห็นด้วยตาของเธอเอง ฉะนั้น เรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริงและเชื่อถือได้ หลังจากเธอได้เห็นนรกแล้ว ซึ่งน่ากลัวจนเธอไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เธอได้ออกจากก้นบึงของนรก และเทวดาได้พาเธอเข้าไปในดินแดนไฟชำระ ที่นั่นไม่น่ากลัว, ยุ่งเหยิง, หมดหวัง, หรือมืดสนิทชั่วนิรันดร ความหวังในพระเป็นเจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับวิญญาณ เทวดาได้บอกเธอว่า สถานที่แห่งนี้ซึ่งซักฟอกวิญญาณให้สะอาดบริสุทธิ์ มีชื่อว่า "วิมารแห่งความหวัง" เธอได้เห็นวิญญาณถูกทรมานอย่างแสนสาหัส แต่เทวดาได้มาเยี่ยมและบรรเทาใจเขาทั้งหลาย
เธอได้กล่าวว่า: "ไฟชำระแบ่งออกเป็นสามส่วน อยู่ถัดกันไป มองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนล่าง ส่วนกลาง และส่วนบน หรือเป็น 3 แคว้นของอาณาจักรทุกข์ทรมาน และวิญญาณที่อยู่ที่นั่นก็แตกต่างกัน"
  • "ส่วนล่างของไฟชำระเต็มไปด้วยพระเพลิงร้อนระอุ ไม่มืดสนิทเหมือนในนรก เป็นทะเลเพลิงกว้างใหญ่ไพศาล พระเพลิงมหึมาแลบขึ้นข้างบนตลอดเวลา วิญญาณมากมายได้ตกลงไปถึงก้นบึงของทะเลเพลิงแห่งนี้ วิญญาณเหล่านี้ได้ทำบาปหนัก ซึ่งเขาทั้งหลายได้สารภาพแล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้โทษบาปเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้าในโลก" เธอได้รับการเผยจากพระเป็นเจ้า สำหรับบาปหนักที่ได้รับการอภัยแล้ว วิญญาณจะต้องใช้โทษเป็นเวลานานถึง 7 ปี เราต้องเข้าใจตัวเลขนี้แค่เฉลี่ย บาปหนักแต่ละข้อมีโทษแตกต่างกัน แม้วิญญาณถูกเผาอยู่ในพระเพลิงอันเดียวกัน การทรมานของวิญญาณแต่ละดวงก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับจำนวนและสภาพของบาป ที่เขาได้ทำ ขณะยังมีลมหายใจอยู่
  • ในส่วนล่างของไฟชำระ นักบุญได้เห็นวิญญาณของฆราวาส และนักบวชที่ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า ฆราวาส คือ ผู้ที่ได้ดำรงชีวิตไม่บริสุทธิ์ แต่ได้กลับใจเป็นทุกข์ถึงบาป นักบวช คือ ผู้ที่ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า แต่ไม่ได้ดำรงชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ ในขณะนั้นเอง เธอได้เห็นวิญญาณของพระสงฆ์องค์หนึ่ง ที่เธอรู้จัก กำลังตกไฟชำระ วิญญาณนั้นคลุมหน้าด้วยผ้าบางๆ แม้เขาได้ดำรงชีวิตอย่างดี ในการอบรมสั่งสอนผู้อื่น แต่ไม่ได้ถือกฎอย่างเคร่งครัด
  • แล้วเทวดาพาเธอไปยังส่วนกลางของไฟชำระ "ที่แห่งนี้วิญญาณได้รับโทษน้อยกว่า ส่วนกลางแบ่งออกเป็นสามส่วนย่อยเล็ก อยู่ถัดกันไป ส่วนย่อยแรกเป็นที่กว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยน้ำแข็ง เยือกเย็นจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ส่วนย่อยกลาง ตรงกันข้าม เหมือนกาต้มน้ำ หรือหม้อต้มน้ำมัน เดือดๆผุดๆ อยู่ตลอดเวลา เป็นน้ำมันเหนียวหนึบหนับ ส่วนย่อยบนมีรูปร่างคล้ายสระน้ำบรรจุธาตุของเหลว เหมือนทองคำหรือเงินหลอมจนเหลว"
  • "ส่วนบนของไฟชำระเป็นสถานที่ชั่วคราว วิญญาณถูกทรมานเพียงเล็กน้อย แค่ไม่ได้เห็นพระพักตร์ของพระเป็นเจ้า เวลาแห่งปลดปล่อยออกจากไฟชำระใกล้เข้ามาทุกขณะ ในไม่ช้าเขาทั้งหลายจะได้เข้าสู่ชีวิตแห่งความสุขชั่วนิรันดร"


นักบุญแมกดาเลน เดอะ แปสซี่ :

เป็นนักบวชหญิงมืดชาวโฟลเรนซ์ คุณพ่อซีปารี่ได้เล่าว่า ก่อนเธอสิ้นใจในปี 1607 เย็นวันหนึ่ง ขณะอยู่ในสวนของคอนแวนต์พร้อมกับเพื่อนนักบวชหลายคน เธอได้เข้าภวังค์เห็นไฟชำระเปิดออกข้างหน้าเธอ มีเสียงเชื้อเชิญเธอเข้าไปเที่ยวที่คุมขังแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า เธอจะได้ทำกิจศรัทธาอุทิศให้กับวิญญาณที่ต้องทรมานอยู่ที่นั่น
เพื่อนนักบวช ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเธอพูดว่า: "ข้าพเจ้าอยากไป" เธอได้ตัดสินใจลงไปชมไฟชำระ เป็นการท่องเที่ยวที่หัวใจของเธอร้าวรานด้วยความระทมขมขื่นยิ่งนัก เธอได้เดินรอบๆสวนเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง หยุดบางเวลา ทุกครั้งที่เธอหยุดเดิน เธอเข้าสมาธิเพ่งดูการทรมาน เพื่อนนักบวชเห็นเธอบีบมือแรงๆ และแสดงอาการเมตตาสงสาร ใบหน้าของเธอขาวซีด ตัวเธอโค้งงอไปตามน้ำหนักของการทรมาน จากภาพอันน่ากลัวสยดสยองที่เธอได้เห็น
เธอส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา: "โปรดเมตตา, พระเจ้าข้า, โปรดเมตตา! โอ้ พระโลหิตประ เสริฐของพระเยซูเจ้า โปรดเสด็จลงมาปลดปล่อยวิญญาณเหล่านี้ออกจากที่คุมขัง วิญญาณน่า สงสารต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส! แต่เต็มใจและยินดีรับการทรมาน" ยังมีที่คุมขังซึ่งอยู่ลึกลงไป เธอพูดว่า: "ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าจะสุขใจทีเดียว ถ้าข้าพเจ้าไม่ต้องลงไปดูที่คุม ขังเหล่านั้น"
อย่างไรก็ตาม เธอต้องเดินทางต่อไป และลงไปดู เมื่อเธอเดินไปได้สองสามก้าว เธอหยุดเดิน และกลัวอย่างสยองขวัญ เธอถอนหายใจลึกๆ และส่งเสียงร้องออกมาว่า: "อะไรนะ! มีนักบวชอยู่ในที่คุมขังแห่งนี้! โอ้ พระเจ้าข้า, โปรดช่วยด้วย, เขาทั้งหลายต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสน สาหัส!" เธอไม่ได้อธิบายสภาพการทรมานของนักบวช เธอได้แสดงความหวาดกลัวขณะเธอเข้าสมาธิเพ่งดูการทรมานเหล่านั้น เธอจึงต้องถอนหายใจเวลาเดินแต่ละก้าว เธอได้ออกจากที่คุมขังแห่งนั้นไปอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการทรมานน้อยกว่า วิญญาณธรรมดาและเด็กๆ ผู้ซึ่งได้ทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดเหตุผล ได้รับการทรมานพอทนได้ ที่นั่นมีแต่น้ำแข็งและพระเพลิง
เธอได้สังเกตุเห็นเทวดารักษาตัวคอยอารักขาวิญญาณเหล่านั้นอยู่ เขาทั้งหลายจึงมีความบรรเทา ใจและความเข้มแข็ง เธอได้เห็นปิศาจ รูปร่างของมันอัปลักษณ์ น่าหวาดกลัวและน่าขยะแขยงอย่างที่สุด การปรากฎตัวของปิศาจเพิ่มการทรมานสำหรับวิญญาณ
เดินต่อไปอีกสองสามก้าวเธอได้เห็นวิญญาณที่น่าสงสารกว่าวิญญาณอื่นๆ เพื่อนนักบวชได้ยินเสียงร้องของเธอ: "โอ้! ที่คุมขังแห่งนี้ช่างน่ากลัวสยองขวัญยิ่งนัก! เต็มไปด้วยปิศาจที่มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่สุด และการทรมานที่เหลือเชื่อ โอ้ พระเจ้าข้า ใครตกเป็นเหยื่อของการทรมานเช่นนี้? วิญญาณถูกแทงด้วยมีดไฟแหลมคม และถูกสับเป็นชิ้นๆ" มีเสียงตอบเธอว่า: "นี่เป็นการทรมานของวิญญาณที่ได้ประพฤติตนหน้าไหว้หลังหลอก"
เดินต่อไปอีกนิดหนึ่ง เธอได้เห็นวิญญาณมากมาย มีรอยฟกช้ำทั้งตัว ร่างกายถูกอัดบดขยี้อยู่ในแท่นพิมพ์ เป็นวิญญาณที่ไม่มีความอดทนและขาดความนบนอบระหว่างที่มีชีวิต ขณะเธอเข้าสมาธิเพ่งดูวิญญาณเหล่านี้ หน้าตา, การถอนหายใจ, และสีหน้าของเธอแสดงให้เห็นความเมตตาสงสารและความหวาดกลัว
สักครู่ต่อมา ได้เกิดอาการปั่นป่วนในตัวเธอ เธอได้ส่งเสียงร้องอย่างน่ากลัว ข้างหน้าเธอเป็นที่ คุมขังของวิญญาณที่ได้โกหก โป้ปดมดเท็จ ขณะเธอเข้าสมาธิเพ่งดูการทรมาน เธอได้ส่งเสียง ร้องดังลั่น: "วิญญาณโกหกถูกขังอยู่ในเขตนรก และต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ตะกั่วหลอมจนเหลวถูกเทลงในปากของเขาทั้งหลายจนตัวสั่นและไหม้เกรียม"
แล้วเธอได้ไปดูที่คุมขังของวิญญาณที่ได้ทำบาปเพราะความอ่อนแอ เพื่อนนักบวชที่อยู่ใกล้ๆได้ยินเธออุทานว่า: "อนิจจา! ข้าพเจ้าได้คิดว่า ข้าพเจ้าจะได้พบท่านในหมู่ของผู้ที่ได้ทำบาปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ข้าพเจ้าเข้าใจผิด ท่านต้องถูกเผาด้วยพระเพลิงที่ร้อนจัดกว่า"
การเดินทางได้ดำเนินต่อไป เธอได้เห็นวิญญาณที่ผูกพันกับสิ่งของในโลกนี้มากเกินไปและทำบาป ละโมบ เธอพูดว่า: "ช่างตาบอดสนิทจริงๆ แสวงหาแต่สิ่งของที่ไม่จิรังยั่งยืน คนที่เมื่อก่อนนี้แสวงหาแต่ความร่ำรวยไม่รู้จักพอ บัดนี้ถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ถูกหลอมเหลวเหมือนโลหะในเตาไฟ"
หลังจากนั้นเธอได้ไปชมที่คุมขังของวิญญาณที่เมื่อก่อนนี้ได้ทำบาปผิดต่อความบริสุทธิ์ เธอได้เห็น วิญญาณถูกขังอยู่ในที่ซึ่งสกปรกโสโครกเต็มไปด้วยโรคระบาดนานาชนิด เป็นภาพที่ทำให้เกิดอา การคลื่นเหียนเวียนหัว ทันทีเธอรีบหันหน้าไปทางอื่น เธอได้เห็นคนที่ทะเยอทะยานและเหย่อหยิ่งจองหอง และพูดว่า: "จงมองดูวิญญาณของคนที่อยากมีหน้ามีตา อยากฉายแสงต่อหน้ามนุษย์ และบัดนี้ถูกลงโทษขังในคุก ที่มืดสนิทและน่ากลัวสยดสยอง"
แล้วเธอได้เห็นวิญญาณ ที่อกตัญญูต่อพระเป็นเจ้า ตกเป็นเหยื่อของการทรมาน ที่ไม่สามารถ อธิบายเป็นคำพูดได้ จมดิ่งลงไปในทะเลสาป ซึ่งมีน้ำเป็นตะกั่วหลอมเหลว กำลังเดือดๆผุดๆ
ในที่คุมขังแห่งสุดท้าย เธอได้เห็นวิญญาณที่ไม่ได้ตกเป็นทาสของบาปใดบาปหนึ่ง เพียงแต่ขาด ความระมัดระวัง ได้ทำความผิดแทบทุกชนิดอย่างเบาๆ เธอบอกว่า วิญญาณเหล่านี้ต้องใช้โทษบาปทุกชนิดอย่างไม่รุนแรง เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้ทำบาปจนติดเป็นนิสัย และทำผิดเป็นครั้งคราว โทษบาปของเขาทั้งหลายจึงลดน้อยลงไป
พอการเดินทางไปเยี่ยมไฟชำระจบลง นักบุญได้เดินออกจากสวน และวิงวอนพระเป็นเจ้า อย่าให้เธอต้องเป็นพยานแลเห็นภาพที่ดูแล้วปวดเข้าไปถึงในดวงใจ, จิตใจ, และวิญญาณของเธออีกเลย เธอรู้สึกว่า เธอไม่มีกำลังพอที่จะอดทนอีกต่อไป เธอได้เข้าภวังค์ต่อ และสนทนากับพระเยซูเจ้า: "พระเจ้าข้า โปรดบอกข้าพเจ้าว่า พระองค์มีจุดมุ่งหมายอะไรให้ข้าพเจ้าได้เห็นที่คุมขังเหล่านั้น ซึ่งน่ากลัวสยดสยองยิ่งนัก ข้าพเจ้าไม่มีความรู้เลย และมีความเข้าใจเพียงนิดเดียว บัดนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว พระองค์ปรารถนาให้ข้าพเจ้ารู้ถึง ความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ที่ไม่มีขอบเขต เพื่อข้าพเจ้าจะได้กลัวบาป และหลีกเลี่ยง แม้แต่บาปเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นบาปมหันต์ในสายพระเนตรของพระองค์"


นักบุญลิด์ไวน่า :

ตามชีวประวัติของเธอ เขียนโดยพระสงฆ์ที่อยู่ในสมัยเดียวกัน หญิงพรหมจารีสิ้นใจวันที่ 11 เมษายน 1433 เธอเป็นตัวอย่างแก่เราในฤทธิ์กุศลแห่งความอดทน เธอได้ทรมานกายอย่างแสนสาหัสเป็นเวลา 38 ปี เธอเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ สวดภาวนายาวนานในเวลากลางคืน และเข้าภวังค์บ่อย เทวดารักษาตัวได้พาเธอไปเที่ยวไฟชำระ ที่ซึ่งเธอได้เห็นที่คุมขัง อันแล้วอันเล่า ยิ่งเห็นยิ่งน่ากลัวสยองขวัญ เธอได้เห็นวิญญาณที่เธอรู้จักและการลงโทษหลายชนิด
ชายคนหนึ่งได้ดำรงชีวิตในความบาปแห่งการฉ้อโกงและได้กลับใจในที่สุด ต้องขอบคุณนักบุญลิด์ไวน่าที่ได้สวดภาวนาให้เขา เขาได้สารภาพบาป เป็นทุกข์ถึงบาป และได้รับการอภัยบาป เขาเหลือเวลาเพียงเล็กน้อยสำหรับการใช้โทษบาป แล้วเขาได้สิ้นใจด้วยโรคระบาด
นักบุญได้สวดภาวนาและทำพลีกรรมอุทิศให้เขา หลังจากนั้นไม่นาน เทวดารักษาตัวได้พาเธอเข้า ไปในไฟชำระ เธออยากรู้ว่า ชายผู้นั้นยังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า และอยู่ในสภาพอะไร? เทวดาบอกเธอว่า: "เขายังอยู่ในไฟชำระ และต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส น้องเต็มใจช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเขาไหม?" เธอตอบ: "แน่นอนคะ พี่, น้องพร้อมที่จะเจ็บปวดทรมานเพื่อเขา" ทันทีเทวดาพาเธอเข้าไปในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการทรมานอย่างน่าหวาดกลัว หญิงพรหมจารีผู้ศักดิ์ สิทธิ์ตกใจกลัวสุดขีด เธอถามเทวดาว่า: "พี่คะ, ที่แห่งนี้ คือ นรกใช่ไหม?" เทวดาตอบว่า: "ไม่ใช่หรอก น้อง, ที่ส่วนนี้ของไฟชำระเป็นชายแดนติดกับนรก" มองดูทุกด้าน เธอได้เห็นคุกมหึมาล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตระหง่าน ดำสนิท ทำด้วยก้อนหินรูปร่างน่าเกลียด เธอได้กลัวอย่างจับจิตจับใจขณะเข้าใกล้ที่คุมขังแห่งนี้ เธอได้ยินเสียงสับสนวุ่นวาย เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องอย่างมโหฉุนเฉียว เสียงโซ่ตรวน เสียงเครื่องมือสำหรับการทรมาน และเสียงตบตีอย่างรุนแรง ซึ่งเพชฌฆาตได้กระทำต่อเหยื่อของมัน เสียงเหล่านี้ เทียบกับเสียงอึกทึกคึกโครมในโลก ไม่ว่าจะเป็นเสียงลมพายุหรือสงคราม ไม่มีอะไรเหมือน นักบุญลิด์ไวน่าได้ถามเทวดารักษาตัวว่า: "นี่เป็นที่อะไรคะ น่ากลัวจังเลย?" "น้องอยากให้พี่พาไปดูไหมละ?" "ไม่เอาคะ, น้องขอร้อง"
เธอพูดอย่างน่าสะพึงกลัว: "พี่คะ, แค่เสียงที่น้องได้ยินยังน่ากลัวจนน้องฟังแทบไม่ไหว แล้วน้องจะไปทนเห็นภาพเหล่านั้นได้อย่างไรคะ?"
เทวดาพาเธอเดินทางต่อไป เธอได้เห็นเทวดาองค์หนึ่ง นั่งเศร้าโศกอยู่บนขอบบ่อน้ำ เธอถามเทวดารักษาตัวว่า: "เทวดาองค์นั้น คือ ใครคะ?" เทวดาตอบว่า: "นั่นเป็นเทวดารักษาตัวของคนบาปที่น้องสนใจ วิญญาณของเขาอยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้ ที่ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของไฟชำระ" พอเทวดาพูดเสร็จ เธอสบตากับเทวดารักษาตัว อยากเห็นวิญญาณดวงนั้น เธอต้องการปลดปล่อยเขาออกจากเหวที่น่าสะพึงกลัวนี้ เทวดารักษาตัวเข้าใจความปรารถนาของเธอ ยกฝาครอบออกจากบ่อน้ำ แล้วพระเพลิงแลบออกมา พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังตามมา
เทวดาถามเธอว่า: "น้องจำเสียงนี้ได้ไหม?" ผู้รับใช้พระเป็นเจ้าตอบว่า: "จำได้คะ" เทวดาพูดต่อว่า: "น้องอยากเห็นวิญญาณนั้นไหม?"
เมื่อเธอตอบว่าอยากเห็น เทวดาได้เรียกชื่อเขา ทันใดนั้นหญิงพรหมจารีได้เห็นที่ปากเหว วิญญาณดวงหนึ่ง กำลังถูกพระเพลิงเผาทั้งตัว เหมือนโลหะลุกโชติช่วง วิญญาณพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแทบจะไม่ได้ยิน: "โอ้ ลิด์ไวน่า ผู้รับใช้พระเป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย ให้ข้าพเจ้าได้เชยชมพระพักตร์ของพระเป็นเจ้า"
ภาพวิญญาณดวงนี้ ที่ถูกพระเพลิงเผาอย่างน่ากลัวสยดสยอง ทำให้เธอตกใจกลัวจนสายรัดเอวของเธอขาดเป็นสองท่อน เธอไม่สามารถทนดูภาพนั้นได้อีกต่อไป ทันทีเธอตื่นจากภวังค์
ในเวลานั้น เพื่อนนักบวชที่อยู่ใกล้เธอได้เห็นความหวาดกลัวของเธอ และถามเธอถึงสาเหตุของมัน เธอตอบว่า: "อนิจจา! ที่คุมขังในไฟชำระช่างน่ากลัวสยองขวัญเหลือเกิน! เพื่อช่วยวิญญาณข้าพเจ้าได้ตัดสินใจลงไปดู ถ้าไม่มีจิตตารมณ์แห่งการกอบกู้วิญญาณ ให้ข้าพเจ้าได้ทั้งโลกเป็นกรรมสิทธิ์ ข้าพเจ้าก็ไม่ขอไปเห็นภาพเหล่านั้น ที่น่ากลัวสยดสยองเป็นอันขาด"
ไม่กี่วันต่อมา เทวดาเศร้าโศกได้มาปรากฏตัวให้เธอเห็นด้วยสีหน้าแห่งความชื่นชมยินดี และบอกเธอว่า วิญญาณดวงนั้นได้ออกจากเหวพระเพลิงแล้ว และเวลานี้อยู่ในส่วนธรรมดาของไฟชำระ การที่วิญญาณได้รับการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวยังไม่เป็นที่พอใจของนักบุญ เธอได้สวดภาวนาอุทิศให้กับวิญญาณต่อไป และแผ่บุญกุศลจากการพลีกรรมของเธอไปให้ จนกระทั่งเธอได้เห็นเขาเข้าสวรรค์


นักบุญคริสติน :

ในปลายศตวรรษที่ 12 นักบุญองค์นี้อยู่ที่ประเทศเบลเยี่ยม ร่างกายของเธอยังคงรักษาไว้จนทุกวันนี้ ที่เมืองเซนต์ตรอนด์ ในโบสถ์ของสงฆ์คณะมหาไถ่ ชีวิตของหญิงพรหมจารีนี้เป็นตัวอย่างสอนเราทุกคน เขียนโดย โทมัส เดอ แคนทิมเปอร์ นักบวชคณะนักบุญดอมินิก นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียง อยู่ในสมัยเดียวกัน ในบทนำชีวประวัติของมารีอา เดอ ออกนีส์ คาร์ดินัล เจมส์ เดอ ไวตรี พูดถึงนักบุญหญิงพรหมจารีหลายองค์ แต่มีนักบุญองค์เดียวเท่านั้นที่ท่านเลื่อมใสมาก คือ นักบุญคริสติน ท่านบอกว่า เธอได้ทำมหัศจรรย์มากที่สุด
ผู้รับใช้พระเป็นเจ้าได้ดำรงชีวิตครั้งแรกของเธออย่างสุภาพถ่อมตน และสิ้นใจอายุ 32 ปี ร่างกายของเธอนอนอยู่ในโลงศพ ที่เปิดไว้ให้คนชมในโบสถ์ ตามประเพณีในสมัยนั้น เธอกลับคืนชีพ และลุกขึ้นมานั่ง คนทั้งเมืองเซนต์ตรอนด์ตกตะลึง และเป็นพยานยืนยันว่า เขาทั้งหลายได้เห็นมหัศจรรย์นี้ ความพิศวงงงงวยเพิ่มขึ้นเมื่อชาวเมืองได้ยินเรื่องราวจากปากของเธอ
เธอเล่าว่า: "ทันทีที่วิญญาณได้แยกออกจากร่างกาย เทวดาได้มารับวิญญาณของข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าสมเพชมาก เต็มไปด้วยวิญญาณมากมาย ที่ต้องเจ็บปวด ทรมานอย่างแสนสาหัส จนข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ข้าพเจ้าได้เห็นวิญญาณหลายดวงที่ข้าพเจ้าได้รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารจับขั้วหัวใจ ข้าพเจ้าได้ถามว่า นี่เป็นที่อะไร? เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า ที่ตรงนี้ต้องเป็นนรกแน่ๆ เทวดาตอบข้าพเจ้าว่า ที่นี่ คือ ไฟชำระ เป็นที่ซึ่งคนบาปถูกลงโทษ ก่อนตายเขาทั้งหลายได้เป็นทุกข์ถึงบาป แต่ยังไม่ได้ใช้โทษบาปจนเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า แล้วเทวดาพาข้าพเจ้าไปดูนรก ที่นั่นข้าพเจ้าได้เห็นคนที่รู้จัก"
"แล้วเทวดาพาข้าพเจ้าเข้าสวรรค์ ไปถึงบัลลังก์ของพระเป็นเจ้า พระองค์ได้มองดูข้าพเจ้าด้วยสายพระเนตรที่ทรงน่ารักยิ่งนัก และข้าพเจ้ารู้สึกมีความสุขอย่างเหลือล้น เพราะข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าได้เคยขอพระหรรษทานจากพระองค์ว่า วันหนึ่งข้าพเจ้าจะได้มาอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ชั่วนิรันดร แต่พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงมองเห็นดวงใจข้าพเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่ง และตรัสกับข้าพเจ้าว่า: "แน่นอนที่สุด, ลูกรัก, ลูกจะได้มาอยู่กับเราในสวรรค์ เวลานี้ เราอนุญาตให้ลูกเลือก ลูกจะอยู่กับเราในสวรรค์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปก็ได้ หรือลูกจะกลับไปในโลก ทำงานแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อปลดปล่อยวิญญาณออกจากไฟชำระ วิญญาณที่ได้ดลใจลูกเกิดความเมตตาสงสารอย่างที่สุด ลูกจะต้องทรมานเพื่อวิญญาณเหล่านั้นในโลก ลูกจะต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ลูกจะไม่ตายจากผลของการทรมาน ลูกจะไม่เพียงบรรเทาทุกข์วิญญาณของผู้ตายเท่านั้น แต่ลูกจะเป็นแบบอย่างสำหรับคนเป็นด้วย และชีวิตของลูก ที่เจ็บปวดทรมาน อย่างต่อเนื่องกัน จะพาคนบาปกลับใจมาทำกิจใช้โทษบาป หลังจากชีวิตใหม่ของลูกจบลงแล้ว ลูกจะได้กลับมาที่เมืองสวรรค์ เปี่ยมด้วยบุญกุศล"
"เมื่อพระเป็นเจ้าตรัสเสร็จแล้ว ข้าพเจ้ามองเห็นงานที่พระองค์ทรงเสนอให้ข้าพเจ้าทำ วิญญาณ มากมายจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ข้าพเจ้าตอบรับอย่างไม่ลังเลใจว่า ข้าพเจ้าจะกลับไปมีชีวิตครั้งที่สอง และข้าพเจ้าลุกขึ้นในเวลานั้น ด้วยจุดมุ่งหมายว่า ข้าพเจ้าจะบรรเทาทุกข์วิญญาณของผู้ที่ได้จากไป และทำให้คนบาปกลับใจ ข้าพเจ้าจึงกลับมาในโลกนี้ เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลาย อย่าพิศวงงงงวยอีกต่อไป การทำกิจใช้โทษบาปและการดำรงชีวิตจากนี้ไปของข้าพเจ้าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่มีอะไรเหมือน และไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน"
เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นคำบอกเล่าของนักบุญ ให้เรามองดูชีวิตที่ตื่นเต้นระทึกใจของเธอ ตามที่นักประพันธ์ได้เขียน "ทันทีคริสตินเริ่มงาน ที่พระเป็นเจ้าได้มอบหมายให้เธอทำ เธอทิ้งความสุขสบายฝ่ายกายทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และดำรงชีวิตอย่างจนที่สุด ไม่มีบ้านหรือเตาผิง น่าสมเพชยิ่งกว่านกในเวหา ซึ่งยังมีรังเป็นที่อยู่อาศัย เท่านั้นยังไม่พอ เธอพยายามเสาะหาสิ่งที่สามารถทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้น เธอกระโดดเข้าเตาไฟที่ลุกโชติช่วง และเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส จนกระทั่งเธอทนต่อไปไม่ไหว เธอส่งเสียงร้องอย่างน่ากลัวสยดสยอง เธออยู่ในเตาไฟเป็นเวลานาน เมื่อเธอออกมา ไม่พบรอยไหม้บนร่างกายของเธอ ในฤดูหนาวแม่น้ำมียูซเป็นน้ำแข็ง เธอกระโจนลงแม่น้ำ และแช่อยู่ในน้ำแข็ง ไม่ใช่เป็นชั่วโมงหรือวัน แต่เป็นอาทิตย์ ตลอดเวลาเธอสวดภาวนา วิงวอนพระเป็นเจ้า ขอพระองค์เมตตาวิญญาณในไฟชำระ และขอให้คนบาปกลับใจ บางเวลา ขณะเธอกำลังสวดภาวนาอยู่ในน้ำเยือกเย็น กระแสน้ำได้พาเธอเข้าไปพันอยู่ในล้อกังหันลม ซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวสยองขวัญยิ่งนักสำหรับผู้ที่ได้เห็น โดยที่กระดูกของเธอไม่หักหรือเคลื่อนที่ แม้แต่ชิ้นเดียว บางโอกาส เธอปล่อยให้สุนัขไล่กวดเธอ มันกัดและฉีกเนื้อเธอเป็นชิ้นๆ เธอวิ่งหนีและแหย่สุนัขให้กวดเธอเข้าไปในโพรงหนาม เลือดเธอไหลออกมาบนผิวหนังที่ถูกหนามขีดข่วน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอออกมา ไม่มีร่องรอยของบาดแผลหรือแผลเป็นให้เห็น"
นี่คือกิจใช้โทษบาปที่น่าชมเชย ตามที่นักประพันธ์ชีวประวัติของนักบุญคริสตินได้อธิบายไว้ ผู้เขียนนี้เป็นพระสังฆราช ผู้ช่วยอัครสังฆราชแห่งเมืองแคมเบร์ เบลลาไมน์บอกว่า: "เราจึงเชื่อเรื่องราวทั้งหมดนี้ นอกจากนี้ยังมีนักประพันธ์อีกคนชื่อ เจมส์ เดอ ไวตรี พระสังฆราชและคาร์ดินัล ท่านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยเดียวกันและในจังหวัดเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น ความทุกข์ทรมานของหญิงพรหมจารี ผู้น่าเลื่อมใส ไม่ได้ถูกซ่อนไว้ ทุกคนได้เห็นกับตาตัวเอง เธออยู่ในพระเพลิงโดยไม่ไหม้ เต็มไปด้วยบาดแผลผุพอง หลังจากนั้น บาดแผลทุกอันก็อันตรธานหายไป แต่ที่สำคัญที่สุด เธอดำรงชีวิตอย่างมหัศจรรย์เป็นเวลา 42 ปีหลังจากเธอได้กลับคืนชีพแล้ว พระเป็นเจ้าได้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า มหัศจรรย์เหล่านี้ ที่เธอได้ทำ มาจากพระฤทธานุภาพของเบื้องบน เธอได้ทำให้คนบาปกลับใจอย่างน่าพิศวง และได้ทำมหัศจรรย์มากมายหลังจากเธอหมดลมหายใจแล้ว นี่เป็นการพิสูจน์ถึงพระเมตตาของพระเป็นเจ้าและความจริงเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร"
ด้วยเหตุนี้ เบลลาไมน์จึงพูดว่า: "พระเป็นเจ้าต้องการปิดปากผู้ที่ไม่เชื่อว่า โลกหน้ามีจริง และผู้ที่พูดจาสบประมาทว่า: ใครบ้างที่ได้กลับมาจากโลกหน้า? ใครบ้างได้เคยเห็นการทุกข์ทรมานในนรกหรือไฟชำระ? นักบุญคริสตินเป็นพยานว่า เธอได้เห็นนรกและไฟชำระ ด้วยตาของเธอเอง มันน่ากลัวสยดสยองยิ่งนัก ผลตามมาก็คือ คนที่ไม่เชื่อ ไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้ว และถ้าเขายังดื้อรั้นที่จะละเลยการทำกิจใช้โทษบาปของเขาในชีวิตนี้ เขาก็สมควรได้รับโทษอย่างมหันต์ในชีวิตหน้า"

St.Frances of Rome : Catholic-org I Cin.org I
St.Ldywine or St. Lidwina ทั้งสามองค์จาก Online Saint Index Catholic-org I
St.Christina the Astonishing (Misabilis) V (PC) - Feast Day July 24)Users.erols.com Catholic-org I
St. Mary Magdalene de Pazzi : Feast Day May 25 :   Magdalene.org I Catholic-org I Catholic-Forum I Cin.org I
เกี่ยวกับนักบุญ : Interest Links I

  Send mail to [email protected] with question or comments about this web.
Copyright @ 2000 Data Computer's House.  2123-2125 Suebsiri Rd. Nai-muang,
Nakorn-Rachasima. 30000 Thailand.   Last